หลวงพ่อโต เป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองจังหวัดศรีสะเกษ ตั้งประดิษฐานอยู่ในวิหารหลวงพ่อโตวัดมหาพุทธาราม มีตำนานเล่าว่า ค้นพบหลวงพ่อโตในสมัยสร้างเมืองใหม่ ที่ ดงไฮสามขา ที่ตั้งวัดพระโต มีป่าเครือมะยางขึ้นอยู่หนาแน่น ในขณะที่ถางป่านั้นได้พบตุ๊กตาหินองค์หนึ่ง มีลักษณะคล้ายพระพุทธรูป เล่ากันว่า ตุ๊กตาหินองค์นี้มีอภินิหารเป็นพิเศษ คือเมื่อมองดูจะเห็นเป็นองค์เล็ก ๆ เท่าแขนคนธรรมดา แต่พอเข้าไปกอดกลับโอบไม่รอบ ชาวบ้านพากันฉงนยิ่งนัก จึงไปบอกอาจารย์ศรีธรรมาผู้เป็นใหญ่ เมื่อรู้ว่าเป็นจริงก็เลยทำพิธีสมโภชกันขนานใหญ่ และขนานนามตุ๊กตาหินองค์นี้ว่า พระโต ซึ่งต่อมาได้นำอิฐหรือปูนสร้างเสริมให้ใหญ่จริงๆ ดังที่เห็นกันในปัจจุบัน (ข้อมูลจากวัฒนธรรมพัฒนาการทางประวัติศาสตร์ เอกลักษณ์และภูมิปัญญา จังหวัดศรีสะเกษ ฯ หน้า 156)
แต่ตำนานที่ค่อนข้างสอดคล้องกับประวัติศาสตร์เมืองศรีสะเกษ จนเป็นที่ยอมรับกันอย่างกว้างขวางเล่ากันว่า หลวงพ่อโตองค์จริงนั้น ถูกหุ้มอยู่ข้างใน เป็นพระพุทธรูปหินดำเกลี้ยง (บางแห่งว่าหินเขียว บางแห่งว่าหินแดง) ปางมารวิชัย (ปางสะดุ้งมาร) เดิมมีหน้าตักกว้างยาว 2.50 เมตร ต่อมากลัวว่าพวกมิจฉาชีพจะทำให้เสียหาย จึงมีผู้ศรัทธาหุ้มเสริมองค์จริงเข้าไปหลายครั้ง จนถึงปัจจุบันนี้ มีขนาดหน้าตัก 3.50 เมตร ความสูงตั้งแต่พระเกศาลงมา 6.85 เมตร เมื่อพุทธศักราช 2509 ได้มีการสร้างวิหารใหญ่ครอบซึ่งมีความกว้าง 14.00 เมตร ยาว 40 เมตร ดังที่เห็นอยู่ในปัจจุบัน
จึงพอสรุปได้ว่า มีการค้นพบหลวงพ่อโตเมื่อ พระยาวิเศษภักดี (ชม) ย้ายเมืองมาตั้งใหม่ในสถานที่ที่เป็นจังหวัดศรีสะเกษปัจจุบัน และได้สร้างวัดพระโตเป็นวัดคู่เมืองศรีสะเกษขึ้น ในปีพ.ศ. 2328 นับถึงปัจจุบันนี้ (พ.ศ. 2554) วัดพระโตมีอายุ 226 ปี |