Mr.Clean Car Care Sisaket
HOME หน้าแรกHOME หน้าแรกHOME หน้าแรกHOME หน้าแรกHOME หน้าแรกHOME หน้าแรกHOME หน้าแรก


      บรรยากาศภายในร้าน
      เมนูกาแฟ 
      เมนูไอศกรีม
      ภาษาต่างๆเกี่ยวกับกาแฟ
      ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับกาแฟ
      ประวัติ "ไอศกรีม" ในไทย

Google




      ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับกาแฟ
 
     
  กาแฟเป็นเครื่องดื่มที่เป็นที่นิยมที่สุดในโลก โดยมีการบริโภคถึง 4 แสนล้านถ้วยต่อปี
     
  กาแฟเป็นสินค้า Commodity ที่ซื้อขายกันทั่วโลกโดยรองลงมาจากน้ำมัน
     
  ผลผลิตของเมล็ดกาแฟที่เก็บเกี่ยวได้ในแต่ละฤดูมีเพียง 20% เท่านั้น ที่ถือว่าเป็นเมล็ดกาแฟคุณภาพสูง
     
  ผลเชอรี่สดจากต้นกาแฟพันธุ์อราบิก้าจำนวน 4,400 ผล สามารถคั่วกาแฟได้เพียง 1 กิโลกรัม โดยทุกเมล็ดเก็บเกี่ยวด้วยมือ แต่เนื่องด้วยผลเชอรี่ 1 ผลจะมีเมล็ดกาแฟ 2 เมล็ด ดังนั้นเมล็ดกาแฟอราบิก้าจำนวน 8,800 เมล็ด จึงสามารถคั่วกาแฟได้ 1 กิโลกรัมเช่นกัน
     
  โดยปกติแล้ว กระสอบบรรจุกาแฟจะทำมาจากป่าน และจะมีน้ำหนักประมาณ 60 กิโลกรัมเมื่อบรรจุกาแฟดิบเต็มกระสอบ ซึ่งสามารถบรรจุกาแฟดิบ ได้มากกว่า 600,000 เมล็ด
     
 

ในช่วงปลาย ค.ศ. 1800 ผู้คนนิยมคั่วกาแฟเองที่บ้าน โดยใช้ที่อบเมล็ดข้าวโพด และ กะทะตั้งบนเตา

     
  ใน ค.ศ. 1809 นาง เมลิตตา เบทซ์ นำกระดาษสมุดโน้ตของลูกชายเธอมากรองกาแฟ และนั่นคือการคิดค้นเครื่องทำกาแฟระบบน้ำหยดเป็นครั้งแรกของโลก
     
  ถุงสูญญากาศได้ถูกคิดค้นขึ้นใน ค.ศ. 1898 เพื่อยืดอายุของกาแฟที่คั่วแล้ว ไม่ใช่ทำให้กาแฟสด
     
  มีการนำมะนาวมาผสมในกาแฟเป็นเวลาหลายร้อยปีมาแล้ว
     
 

การดมกลิ่นกาแฟเป็นขั้นตอนสุดท้ายของการตัดสินคุณภาพของกาแฟ

     
  กลิ่นกาแฟ รวมไปถึง เบียร์และเนยถั่ว ได้ถูกจัดอันดับเป็นหนึ่งในสิบกลิ่น ที่มีเอกลักษณ์มากที่สุด
     
 

ส่วนหนึ่งของความนิยมในกาแฟได้มาจากการที่กาแฟสามารถผสมกับส่วนผสมรสชาติต่างๆ ได้เป็นอย่างดี

     
  ชนเผ่าโนมาดิกเก็บรักษาถนอมผลเชอรี่จากต้นกาแฟเพื่อการขนส่งในระยะทางไกล
     
  ต้นกาแฟเป็นต้นไม้ที่มีความเขียวชอุ่มตลอดทั้งปีและมีความสูงประมาณ 15 ฟุตขึ้นไป แต่โดยปกติแล้วต้นกาแฟจะถูกตัดแต่งกิ่งให้สูงเพียงประมาณ 8 ฟุตเท่านั้น เพื่อง่ายต่อการเก็บผลิตผล
     
  ต้นกาแฟจะส่งกลิ่นหอมมาก กลิ่นของดอกกาแฟจะคล้ายกับกลิ่นของดอกมะลิผสมกับส้ม ผลเชอรี่จากต้นกาแฟนั้นหากโตเต็มที่จะมีขนาดเท่ากับผลแคนเบอรี่
     
  เมล็ดกาแฟมีคุณสมบัติคล้ายกับองุ่นที่ใช้ผลิตไวน์ตรงที่ผลผลิตที่ได้ขึ้นอยู่กับอุณหภูมิ สภาพดิน สภาพความกดอากาศ สภาวะฝน และ ระดับของความสุกงอมในตอนเก็บเกี่ยว
     
 

กว่า 45 ประเทศทั่วโลกปลูกกาแฟเพื่อการพาณิชย์

     
  เมล็ดกาแฟดิบจะถูกเก็บไว้เป็นปีๆ ก่อนที่จะนำไปคั่ว โดยผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าเมล็ดกาแฟบางชนิดจะมีคุณภาพดีขึ้นได้ตามระยะเวลาและการเก็บที่ถูกวิธี
     
  ในราว ค.ศ. 1885 กรรมวิธีในการคั่วกาแฟโดยใช้แก๊สธรรมชาติ และใช้อากาศร้อนเป็นตัวกลางในการคั่วได้ถูกพัฒนาขึ้น จนในปัจจุบัน วิธีนี้ยังคงเป็นวิธีที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในการคั่วเมล็ดกาแฟ
     
  กาแฟส่วนใหญ่ที่ขายอยู่ทั่วไปนั้นจะเป็นกาแฟที่ใช้เมล็ดกาแฟหลายพันธุ์ผสมกัน
     
 

โดยทั่วไป กาแฟจะคั่วที่อุณหภูมิระหว่าง 205 °C ถึง 220 °C ยิ่งคั่วนานเท่าไหร่จะยิ่งได้รสชาติขมมากขึ้น โดยปกติแล้วจะใช้เวลาในการคั่วประมาณ 10-20 นาที

     
 

หลังจากผ่านกรรมวิธีการคั่วแล้ว และเมื่อเมล็ดกาแฟเริ่มเย็นลง เมล็ดกาแฟจะปล่อยสารเคมีต่างๆ ประมาณ 700 ชนิดออกมา สารเหล่านั้นจะทำให้เกิดกลิ่นไอหอมเกิดขึ้น

     
 

เมล็ดกาแฟที่คั่วนานเกินไปจะทำให้ติดไฟได้ง่ายระหว่างกรรมวิธีการคั่ว

     
  หลังจากผ่านกระบวนการการแยกสาร คาเฟอีน ออกจากกาแฟ บริษัทที่ทำการคัดแยกสารจะขายสาร คาเฟอีน ต่อให้กับบริษัทผลิตยาต่างๆ
     
  กลิ่นและรสชาติต่างๆ จะถูกนำมาใส่ในเมล็ดกาแฟหลังจากการคั่ว และปล่อยให้เย็นตัวลงจนอุณหภูมิประมาณ 100 องศา จากนั้นก็นำรสชาติที่ต้องการผสมลงไปขณะที่เมล็ดกาแฟกำลังอยู่ในสภาพที่ดูดซึมได้ง่าย
     
  จากการศึกษาพบว่า ร่างการมนุษย์สามารถดูดซึม คาเฟอีน ได้เพียง 300 มิลลิกรัม ปริมาณที่เกินจากนั้นจะถูกขับออกมาและจะไม่มีผลใดๆ ต่อร่างกาย โดยร่างกายจะเผาผลาญ 20% ของ คาเฟอีน ในทุกๆ 1 ชั่วโมง
     
 

เมล็ดกาแฟที่คั่วเสร็จแล้วจะสูญเสียกลิ่นและรสทีละน้อยภายใน 2 อาทิตย์ ส่วนกาแฟบดจะสูญเสียกลิ่นและรสภายใน 1 ชั่วโมง กาแฟร้อนที่ชงแล้วและเอสเปรสโซ จะสูญเสียกลิ่นและรสภายในเวลาเพียงนาทีเท่านั้น

     
  กลิ่นและรสที่สกัดมาจากผลไม้ทุกชนิดจะเข้ากันได้ดีกับกาแฟ
     
  กลิ่นครีม ไอริช และ ฮาเซลนัท เป็นกลิ่นที่ผสมกับกาแฟชนิดเม็ดที่เป็นที่นิยมมากที่สุด
     
 

จากผลการวิจัยของมหาวิทยาลัย ฮาร์วาด จากคน 20,000 คน พบว่านักดื่มกาแฟทั่วไปจะมีอาการหอบหืดน้อยกว่าผู้ที่ไม่ดื่มถึง 1 ใน 3

     
ข้อมูลจาก : http://www.boncafe.co.th



Google