ในวันที่ห้องนอนอันแสนจะรกรุงรังถูกจัดเก็บให้เป็นระเบียบเรียบร้อยอีกครั้ง ม้วนเทปคลาสเซ็ทม้วนหนึ่งถูกค้นพบโดยบังเอิญ
มันถูกทิ้ง ไว้ในกล่องกระดาษเก่าๆ สิ่งที่บันทึกไว้ในเทปม้วนนั้นก็คือเรื่องราวช่วงหนึ่งของชีวิตผมเอง มันถูกบันทึกอย่างง่ายๆ
ในห้องนอน ในห้วง เวลาที่แตกต่างกัน มีเพียงกีต้าร์เสียงเพี้ยนๆ เล่นแบบงูๆปลาๆ ไมโครโฟนเก่าๆ กับเครื่องบันทึกเทป
ธรรมดาๆเท่านั้นเอง ไม่ได้มีความ พิถีพิถันใดเพราะนั่นเพียงหวังแค่บันทึกไว้เพื่อกันลืมเท่านั้นเอง
ปี 2530 - 2539 เป็นช่วงเวลาที่ผมเขียนหนังสือ และเขียนเพลงมากที่สุด มันเป็นหนทางระบายออกของความรู้สึกนึกคิดข้าง
ใน มีเพียง ไม่กี่คนเท่านั้นที่ได้ฟัง และรับรู้เรื่องราวเหล่านั้น บ่อยครั้ง...ที่กลายเป็นผมเองที่ฟัง เพื่อทบทวนความเป็นไปใน
ชีวิตของตัวเอง เหมือนๆกับการอ่านสมุดบันทึกประจำวัน จนเวลาล่วงเลยไป ชีวิตมีอะไรที่ต้องทำมากขึ้นตามวัยที่เปลี่ยนแปลง
ไปหน้าที่การงานที่ทำอยู่เบียดบังเอาเวลาแทบจะทั้งหมดของแต่ละวันไป ไม่ค่อยมีเวลาให้กับตัวเอง เป็นสิบปีที่เหมือนคน
เดินหลงทาง มาพบทางออกก็เมื่อตอนหันหลังให้กับงานมาทำธุรกิจส่วนตัว ความคิดอ่านข้างในถูกใช้มากขึ้น ความรู้สึก
อึดอัดลดน้อยลง มีเวลาได้ทบทวนชีวิตในแต่ละวัน ได้กลับมาอยู่กับตัวเองอีกครั้ง ได้เรียนรู้ว่ามุมมองชีวิตเราเติบโตขึ้น
จิตใจเราเข้มแข็งกว่าที่เคย ร่องรอยของวันวานเป็นประสบการณ์ที่ส่งผ่านเรา มาถึงวันนี้ ไม่มีอดีต ก็ไม่มีปัจจุบัน แต่อดีตก็
ไม่ได้สำคัญมากไปกว่าปัจจุบันและวันข้างหน้าที่ยังมาไม่ถึง
ด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยีในปัจจุบัน ทำให้ผมสามารถนำเอาเรื่องราวจากม้วนเทปคลาสเซ็ทเมื่อหลายสิบปีก่อนนั้นมา
จัดเก็บไว้ใน รูปแบบของแผ่นซีดี ซึ่งสะดวกกว่าการหาเครื่องเล่นเทปมาเปิดฟัง รวมทั้งจัดเก็บข้อมูลไว้บนอินเตอร์เน็ตให้
สามารถ Download มา ฟังได้ทุกเมื่อ
"...ในเวลาที่ขยับเขยื้อนไปทุกขณะ แม้ทุกๆวันบนหน้าปัดนาฬิกาจะบ่งบอกเป็นเวลาเดียวกัน แต่ก็ไม่เคยมีสิ่งใดที่เหมือนเดิม
จิตใจคนเรา คงไม่ถูกยกเว้น จะมีสักกี่มากน้อยที่ลงรากปักฐานความรู้สึกได้อย่างปราศจากการเคลื่อนไหวสั่นคลอน
ท่ามกลางสภาวะของการเปลี่ยน แปลงรอบด้านเช่นนี้ ในความแน่นอนมักมีสิ่งที่ไม่แน่นอนแฝงเร้นอยู่ด้วยเสมอ เพียงรอเวลา
ที่จะเปิดเผยตัวออกมาเท่านั้นเอง...." นั่นคือ ประโยคที่ผมเขียนสรุปทิ้งไว้ในปกเทปคลาสเซ็ทเก่าๆม้วนนั้น
|